ประวัติความเป็นมาของสถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี

     เริ่มแรกในปี พ.ศ.2519 ธุรกิจเอกชนร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือ อ.ส.ท. ขณะนั้นได้ประสานงานขอความร่วมมือให้กรมตำรวจพิจารณาดำเนินการ ให้ควบคุมและรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวเป็นกรณีพิเศษ กรมตำรวจจึงได้จัดศูนย์อำนวยความสะดวกและให้ความปลอดภัยนักท่องเที่ยว (ศอ.นท.) ขึ้นในสังกัดกองปราบปราม มีกำลังพลประมาณ 60 นาย ทำหน้าที่รับแจ้งเรื่องร้องเรียนและตรวจตราให้ความคุ้มครอง  ซึ่งในการปฏิบัติงานครั้งนั้นธุรกิจเอกชนได้ร่วมกันบริจาคยานพาหนะและอุปกรณ์สื่อสารให้ไว้ในการปฏิบัติภารกิจ   ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง กรมตำรวจได้ดำเนินการขอจัดตั้งกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวขึ้น เพื่อเป็นหน่วยถาวรที่รับผิดชอบในด้านอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว   โดยคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและอนุมัติในหลักการ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2519 แต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ

      ต่อมารัฐบาลได้ประกาศให้ปี พ.ศ.2523 เป็นปีท่องเที่ยว และให้กรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบภารกิจอำนวยความสะดวก  และให้ความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว โดยให้ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง กรมตำรวจและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงได้พิจารณาปรับปรุง ศอ.นท. เป็นศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (ศช.นท.) ขึ้น เพื่อบริการนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับคำร้องทุกข์กรณีประสบปัญหาอาชญากรรม การเอารัดเอาเปรียบ โดยขยายความรับผิดชอบไปยังส่วนภูมิภาคที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในความนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อันได้แก่ เมืองเชียงใหม่ พัทยา และหาดใหญ่

      ต่อมาในปี พ.ศ.2525 รัฐบาลได้ตระหนักในความสำคัญของหน่วยงานเฉพาะกิจดังกล่าว จึงได้จัดตั้งหน่วยงานตำรวจท่องเที่ยวขึ้น คือ กองกำกับการ 8 สังกัดกองปราบปราม ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2525 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น และจำนวนแหล่งท่องเที่ยวที่กระจายไปทั่วทั้งประเทศ โครงสร้างตำรวจท่องเที่ยวในระดับกองกำกับการ จึงไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจการอำนวยความสะดวก   และรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว จึงได้รับการ ขยายขึ้นเป็นกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2534

     โดยแต่เดิมนั้น จังหวัดลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี และชัยนาท ได้อยู่ในความรับผิดชอบของแผนก 2  กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา)

     ต่อมากองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการสอบสวนกลาง ได้ขยายเขตอำนาจการรับผิดชอบมากขึ้น ประกอบกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ทำการขยายเขตพื้นที่การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาคใหม่ จึงจำเป็นต้องออกประกาศแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกันกับเขตพื้นที่รับผิดชอบของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาการแบ่งส่วนราชการ กรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย  พ.ศ.2539 มาตรา 9 แห่งพระราชกฤษฎีกาโอนกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย ไปจัดตั้งเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2541 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 41/2546 ลง 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2546 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี จึงได้ออกประกาศให้ยกเลิกประกาศกรมตำรวจ เรื่อง กำหนดที่ตั้งที่ทำการของแผนก 2     ถึงแผนก 15 กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการสอบสวนกลาง ลง 15 มกราคม  พ.ศ.2538

     ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และภายในประเทศมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเล็งเห็นความสำคัญของตำรวจท่องเที่ยวที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวมาด้วยดีตลอด

     ต่อมาปี พ.ศ.2560 ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560 และมีการออกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่น ในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2560 ขึ้นใหม่ โดยแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกา การแบ่งส่วนราชการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ เป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ให้ยุบรวม ศูนย์ปฏิบัติการตํารวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้ากับตํารวจภูธรภาค 9 และจัดตั้งกองบัญชาการตํารวจท่องเที่ยว ซึ่งยกฐานะจากกองบังคับการตํารวจท่องเที่ยว สังกัดกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ตามพระราชกฤษฎีกานี้ได้กำหนดให้  สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 (ตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี)  มีหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยมีพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลพบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดชัยนาท และจังหวัดสระบุรี

      ปัจจุบันที่ทำการ ตั้งอยู่ที่ 1155 ถนนนารายณ์มหาราช ตำบลทะเลชุบศร  อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี  15000